อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการมีช่วงล่างดี ๆ

ขับรถยนต์อย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน

วันที่ 22 ตุลาคม 2565
การมีรถยนต์สักคันคงเป็นความใฝ่ฝันของใครหลาย ๆ คน เพื่อจะได้ใช้ขับไปทำงานได้อย่างสะดวก ไม่ต้องทนแดดทนฝน หรือขับไปเที่ยวทะเลเพื่อดับร้อนกับครอบ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันคงไม่เพียงพอเสียแล้ว เพราะนอกจะมีรถยนต์แล้ว ต้องมีเงินเติมน้ำมันด้วย
 วันนี้แอดมินจึงนำทริคดี ๆ มาฝาก นั่นคือ การขับรถยนต์อย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน ซึ่งในบางกรณีอาจทำให้ใครหลายคนอาจคาดไม่ถึง จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยครับ
หากใครมีทริคเด็ด ๆ เคล็บลับดี ๆ สามารถมาร่วมแบ่งปันข้อมูลกันได้นะครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการมีช่วงล่างดี ๆ ที่นอกจากจะช่วยให้รถยนต์ทำงานได้อย่างเต็มที่ หนึ่งในทริคการประหยัดน้ำมัน อีกทั้งยังช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย ควบคุมได้ดั่งใจหวัง เข้าโค้งไปอย่างเฉียบคม อุ่นใจได้ตลอดการเดินทาง
1.พยายามควบคุมความเร็วให้เหมาะสมและคงที่

การใช้ความเร็วที่เหมาะสมและคงที่ ไม่ช้า ไม่เร็วจนเกินไป จะช่วยให้ประหยัดพลังงาน การใช้ความเร็วต่ำโดยเฉพาะเกียร์ออโต้จะเกิดการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลง ซึ่งเป็นการเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานที่มากขึ้น และในกรณีใช้ความเร็วสูง ยิ่งเร่งเครื่องมากเท่าไร ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราการเผาผลาญมากเท่านั้น

2.หลีกเลี่ยงการเหยียบเบรกหนักบ่อย ๆ โดยไม่จำเป็น

การขับรถยนต์เกียร์ออโต้แล้วเบรกแบบหนักบ่อย ๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนเกียร์เร็วกว่าปกติ ในจุดนี้ทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 40% จากอัตราปกติ

3.หลีกเลี่ยงการบรรทุกหนักและวางของบนหลังคา

การบรรทุกของที่หนักเกินไปและการวางของบนหลังคาจะทำให้เกิดแรงต้านจากลม และจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักมากกว่าปกติ

4.เรื่องหนาว ๆ ของแอร์รถยนต์

การเปิดแอร์ในรถยนต์จะเป็นการดึงพลังงานมาจากเผาผลาญของน้ำมัน ซึ่งเราสามารถประหยัดพลังงานในจุดนี้ได้โดยการเปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม รวมไปถึงการปิดแอร์ก่อนถึงที่หมายสักนิด ก็ยังคงมีความเย็นอยู่ แถมช่วยให้ประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

5.ไม่ควรเปิดกระจกขณะใช้ความเร็ว

การเปิดกระจกรถรับลมชิลล์ ๆ ขณะขับรถริมทะเล คงเป็นจินตนาการของใครหลายคน แต่การเปิดกระจกรถตอนใช้ความเร็วจะทำให้เกิดแรงต้านต่อรถ ทำให้ต้องเปลืองพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม

6.หมั่นตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำ

การตรวจเช็กสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งาน รวมไปถึงการเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รถทำงานได้อย่างเต็มที่ การเผาผลาญพลังงานอยู่ในระดับปกติ อีกทั้งยังรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกอีกด้วย